วันอาทิตย์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2560

ถ้าฉันไม่ได้ทำให้ สักวันฉันคงต้องเสียใจมาก

ฉันคิดว่าทุกคนก็ต้องมีเรื่องที่อยากทำ ไม่ว่าจะอยากทำให้ตัวเอง หรืออยากจะทำอะไรให้ใครก็ตาม บางคนอยากทำให้ อยากซื้อของให้ อยากให้คนที่รักมีความสุข ฉันก็มีเรื่องที่อยากทำเหมือนกัน ทั้งเรื่องที่อยากทำให้ตัวเอง อยากทำให้คนอื่น

สมัยวัยรุ่น แม้แต่ตอนนี้ฉันมีลูกแล้ว และฉันก็อายุ 31 (ไม่ได้เยอะสักหน่อย) ฉันก็ยังมีความอยากนั้นอยู่ คือฉันอยากไปเที่ยวแบบแบคแพ็ค (พูดเรื่องนี้ทำไมต้องน้ำตาคลอ) ฉันอยากไปเที่ยวแบบนั้น มันน่าสนุกดี เราแค่มีเป้าหมายที่อยากไป มีเงินในกระเป๋า ไม่ต้องมากหรอก ก็ออกไปได้แหละ อยากจะศึกษาสถานที่คราวๆ ว่าที่ไหนบ้างค่อยไปตายเอาดาบหน้า คงไม่ตายง่ายๆหรอกเดี่ยวนี้โซวเชียว รีวิว เยอะแยะเต็มไปหมด ...ฉันต้องเก็บความอยากนี้ไว้ก่อน เพราะลูกฉันแค่สองขวบ ฉันคิดว่าแบคแพ็คได้นะ แต่เขาจะเข้าใจผิดว่าฉันจะย้ายบ้าน คนมีลูกอาจจะรู้ดี ห้าๆๆ ลูกโตหน่อยก็อยากจะพาลูกไปด้วย ถึงแม้ฉันกับสามี ไม่คิดตรงกันเลยในเรื่องนี้ สามีฉันไม่อยากไปไหน ไปชอบเที่ยว ชอบนอนอยู่บ้าน อยู่บนห้อง(ถึงแม้จะร้อนก็ตาม) เล่นเกม ชิวๆ ซึ่งต่างกับฉัน รักการท่องเที่ยว ถึงแม้ตอนนี้เที่ยวได้ทุกอาทิตย์ อย่าๆ มันแค่ตลาดนัดข้างบ้าน ซึ่งเดินไปนิดเดี่ยวเอง แค่นี้ฉันก็มีความสุขในการเดินออกจากบ้านไปเที่ยวแล้ว ส่วนลูกฉัน เดี่ยวนี้ถามทุกครั้งเลย พอฉันแต่งตัวสวยๆหน่อยตอนเช้า จะถามว่า มามี้ ไปเที่ยวไหน ชอบเที่ยวไม่ต่างจากฉันเลย

และแม่ฉันอยากไปเชียงใหม่มาก บ้านฉันอยู่สงขลา ไม่เคยเจออากาศหนาวเลย และแม่ฉันก็ 60 กว่าแหละ แกคงอยากรู้ว่าหนาวๆที่เขาว่าเป็นไง ฉันรู้ดีว่าแม่ฉันอยากไปมาก ถึงแม้แก่จะ เดินไม่ค่อยแข็งแรงก็ตาม ปีนี้ ไม่สิ ต้นปีหน้า 2018 ฉันตั้งใจจะพาแกไปเที่ยว แกบอกว่าแกอยากไป แต่ไม่รู้ ร่างกายจะไหวป่าว แต่ฉันก็อยากพาไปคะ แม่ฉันชอบเที่ยวคะ เวลาใครไปไหน ถ้าสามารถเอาแม่ฉันติดไปด้วยได้ ฉันจะซัพพอตเต็มที (แม่ฉันยังอยู่สงขลา สวนฉันอยู่บ้านสามี สมุทรปราการ) ฉันได้แต่ให้แม่ไปกับคนอื่น ฉันไม่เคยเป็นคนพาไปเองเลยสักครั้ง ฉันเลยได้แต่คอยซัพพอตเรื่องเงินเท่านั้นที่ฉันพอทำได้ ถ้าแม่ต้องการบ้าน ซึ่งน้องสาวของฉันที่คอยดูแลแม่ ก็จะโทรมาบอกตลอดว่ามีใครจะไปไหน แม่อยาไปด้วยอะไรแบบนี้

เมื่อต้นปีที่ผ่านมา พี่ชายฉันไปเที่ยวเชียงใหม่มา จริงๆก็อยากให้แม่ไปด้วย แต่ฉันบอกหลานไม่ทัน แต่มันก็ดีแล้วแหละ เขาไปพวกวัยรุ่นกัน ถึงแม่พี่เขยฉันจะไปด้วยก็ตาม กลับมาเห็นบ่นว่าต้องเดินเยอะ เดินขึ้นเนิน ฉันไม่รู้ว่าถ้าฉันพาไปแล้วจะเป็นไงบ้าง ทั้งลูกทั้งแม่ เห้อ แค่คิดยังปวดหัว เพราะลูกฉันซนมากกก แต่ยังไงก็อยากพาไป ฉันคิดว่าถึงวันนั้นแกคงยิ้มแก้ปริแค่ หรือไม่ก็หนาวจะตัวสั่น ห้าๆๆ

ฉันไม่อยากพลาดโอกาสอะไรที่ฉันสามารถทำได้ เพื่อคนที่ฉันรักที่สุด..

วันอังคารที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ภาษาอังกฤษ ยากจัง

บอกก่อนนะถ้าเข้ามาอ่านแล้วจะได้วิธีเพื่อทำให้พูดภาษาอังกฤษได้นั้นคุณคิดผิด คุณอาจเลิกอ่านเปลี่ยนไปหาอย่างอื่นทำก็ได้นะ แต่ถ้าคุณคิดเหมือนกันว่ามันยาก และคุณก็ยังพูดไม่ได้สักที ฉันคิดว่าคนจำนวนไม่น้อยที่คิดว่าภาษาอังกฤษยาก ฉันก็เป็นหนึ่งในนั้น และ ณ วันที่ฉันเขียนบล็อคนี้ ฉันก็ยังคงพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ไม่ใช่ฉันไม่พยายามนะ แต่ฉันคิดว่าฉันยังพยายามไม่มากพอ

ฉันคิดตลอดว่าอยากพูดภาษาอังกฤษได้ ทำทุกอย่างที่เขาคิดว่าดี ฉันก็คิดว่ามันดีเหมือนกันแหละถ้าทำแบบนั้น แต่ที่ยังพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ คงเป็นที่ตัวฉันเอง ฉันเคยพยามยามตั้งใจจะแปลเพลงอังกฤษ เริ่มจากเพลงที่ตัวเองชอบ จริงๆฉันจำได้ อาจารย์เคยให้แปลเพลงสมัยเรียนมหาลัย และฉันก็ชอบนะ เริ่มจากได้ชื่อเพลงมา ไปหาเนื้อร้องในเน็ต ซึ่งมันก็มีให้เยอะแยะเลย แล้วก็เอามาแปลที่ละคำ เราจะได้รู้ว่าทีเขาร้องๆกันอยู่นะ มันแปลว่าไง ไม่ใช่ร้องไปแบบงูๆ ปลาๆ ซึ่งมันทำให้ฉันได้รู้คำซับเยอะขึ้น และก็สนุกด้วย แต่นั้นมันสมัยเรียนไง เป้าหมายคือเกรดที่รออยู่ไม่ไกล แต่นี่มันชีวิตจริงไง ซึ่งเป้าหมายมันมี แต่สิ่งเร้าเพื่อให้เราไปถึงเป้าหมายนั้นช่างน้อยเหลือเกิน

ฉันรู้สึกอิจฉาทุกคน(ฉันไม่ค่อยชอบคำนี้เลย ..อิจฉา) แต่ฉันเห็นคนที่พูดได้ดี แล้วก็กลับมาคิดถึงตัวเองไม่ได้ ว่าทำไมเราพูดไม่ได้บ้างอ่า ฉันก็อยากพูดได้เหมือนกันนะ และฉันก็จบ ป.ตรี เหมือนกัน คิดไปถึงว่า หรือจะเรียน ป.โท ดี เพราะได้ยินว่า ป.โท นั้นหนังสือเรียนเป็นภาษาอังกฤษหมด (เอาเข้าไป ห้าๆๆ) จริงๆ ตอนเรียน ป.ตรี ก็ไม่ค่อยมีชีสภาษาไทยให้อ่านหรอกนะ ส่วนใหญ่ก็ภาษาอังกฤษเหมือนกัน แต่ไม่ค่อยได้อ่านในชีสหรอก เพราะฉันเข้าเรียนทุกคาบ จดแล็คเชอร์เอา ตอนอาจารย์พูด ตอนสอบก็ไม่ค่อยอ่านในชีสหรอกนะ อ่านจากที่จด (แต่ไม่ค่อยได้คะแนนเยอะหรอกนะ สงสัยอาจารย์จะออกข้อสอบจากในชีส)

ที่ฉันเขียนเรื่องนี้ขึ้นมา ฉันเพื่อหาแรงบัลดาลใจ เป้าหมายฉันมีแน่นอน แต่เรี้ยวแรงจะเดินไปถึงจุดหมายไม่ค่อยจะมี ฉันคิดว่าถ้าฉันคอยย้ำตัวเองบ่อยๆ เดียวสักวันนึงก็คงไปถึงจุดหมายเอง เหมือนที่เคยได้ยิน เป้าหมายไม่สำคัญเท่าระหว่างทาง แต่ของฉันมันคงจะเป็น เป้าหมายไม่สำคัญเท่าระยะทาง ห้าๆ คือเป้าหมายฉันมีแน่นอน แต่ระยะทางมันไกลเหลือเกิน ฉันเป็นเหมือนกระต่ายนะ วิ่งเร็วก็จริง แต่ฉันก็หยุดแวะบ่อยเลยไปไม่ถึงสักที สำหรับเป้าหมายไม่ใช่มีแค่อยากเดียวด้วยนะ แต่การที่พูดภาษาอังกฤษได้ จะเป็นใบเบิกทางให้ฉันสามารถทำตามความฝันของฉันได้ (แลดูยิ่งใหญ่ขึ้นมาเชียวเมื่อพูดถึงความฝัน ซึ่งฉันฝันไว้เยอะเหลือเกิน ห้าๆๆ) ซึ่งคนเรามีสิทธิฝันมากมาย อยากจะเป็นนู้น อยากจะทำนี่ บางทีฉันก็คิดว่าฉันเป็นคนสมาธิสั้นด้วยนะ คิดปุ๊บก็อยากจะทำเลย ไม่รู้คุณเคยเป็นไมนะ แต่ฉันนะเป็นบ่อย โชคดีที่แฟนฉันคอยยั้งความคิดของฉันไว้บ้าง ไม่ให้ฉันฝุ้งซ่านเกินไป(พูดให้แฟนดูดีหน่อย เผื่อเขาอ่านอยู่)  เดียววันหลังจะมาเล่าเรื่องความฝันให้ฟัง ซึ่งตอนนี้ฉัน 30 แล้ว ฉันว่าฉันยังไม่ได้ทำตามฝันที่ฉันอยากจะทำเลย (ฟังดูเศร้า เอ้า น้ำตาไหลทำไมเนี่ย) บอกว่าเดียวเล่าๆ แต่ไม่ใช่ตอนนี้

พาหลงประเด็นตลอดนี่แหละฉัน เอาเป็นว่ามาทำเป้าหมายให้ได้ก่อนเรื่องภาษาอังกฤษนะ ซึ่งฉันอาจจะพูดได้ในเร็ววันี้ หรืออาจจะเป็นเมื่อไรก็ไม่รู้ ถ้าฉันพูดได้แล้วฉันจะเอามาบอกวิธีแหละกัน แต่ตอนนี้ หาก่อนนะว่าจะทำยังไงให้มันไปยังเป้าหมายนั้นได้ แล้วเจอกัน...

วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2558

online

ขอกล่าวนำก่อนว่าที่ฉันเขียนต่อไปความรู้สึก ณ ตอนนี้ล้วนๆ...

ฉันคิดว่า ตอนนี้ทุกสิ่งล้วนแล้วเอื้ออำนวยความสะดวกให้กับมนุษย์ มีระบบอนไลน์ ซื้อของออนไลน์ ชำระค่าบริการออนไลน์ คือพูดง่ายๆคือ เรานั่งอยู่บ้านเฉยๆก็สามารถได้เงิน และเสียเงินไปพร้อมๆกัน
ชีวิตทุกวันนี้หลีกหนี้เรื่องเหล่านี้ไม่ได้เลย

ย้อนนึกถึงตอนเป็นเด็กตอนนั้นน่าจะเรียนอยู่สัก ป.5 เด็กบ้านนอกคนนึง ในโรงเรียนต่างจังหวัดห่างไกลตัวเมือง ฉันยังจำได้ว่าครูเคยพูดว่า ต่อไปทุกคนจะมีอุปกรณ์อัตโนมัติติดตัวทุกคน โดนครูยกตัวอย่างเช่น นาฬิกาข้อมือ ซึ่งเกือบทุกคนในตอนนั้นมีใส่ ยกเว้นฉันละมั้ง นั้นก็เป็นแค่ส่วนนึงซึ่งฉันก็คิดว่าต่อไปทุกคนก็คงต้องมี ในตอนนั้นคิดแค่ว่ามีนาฬิการข้อมือเท่านั้น

จนปัจจุบันนี้ โทรศัพท์ไม่มีใครที่ไม่รู้จักสิ่งนี้ เกือบทุกคนต้องมี แม้แต่เอาไว้โทรได้เพียงอย่างเดียว ไม่ได้มีไว้เล่นอินเตอรืเน็ตก็ตาม แต่ฉันกลับมองว่า โทรศัพท์ มันเหมือนระเบิดติดตามตัวยังไงไม่รู้ คือการเข้าถึงข้อมูลได้จากทุกๆที่ คนบางกลุ่ม หรือเจ้าของเครือข่ายสามารถแอบดูข้อมูลได้ทุกเมื่อ(ถึงแม้เข้าจะบอกว่าไม่ได้แอบดูก็ตาม) อันนี้ความคิดตัวเองล้วนๆนะ เพราะถ้าเป็นฉัน ฉันอยากจะยึดครองโลก(เหมือนในการ์ตูนเลยอ่า ถึงแม้ชีวิตจริงฉันก็คิดว่ามันมีอยู่) ฉันต้องการจะฆ่าใครสักคน ฉันจะสั่งมือถือให้ระเบิดตัวเอง มันอาจจะยังไม่ถึงตาย แต่สารที่ใช้ในการประกอบแบตเตอร์รี่ก็สามารถทำให้มันมีอนุพาค ให้เป็นสารพิษได้ แค่นี้ฉันก็สมใจ โดยทีไม่มีใครโทษเครือข่าย แต่โทษบริษัทผลิตโทรศัพท์แทน
ห้าๆๆ เหมือนโรคจิตนิดๆ แต่ฉันคิดว่าสักวันนึง เขาอาจจะใช้โทรศัพท์เพื่อทำอะไรร้ายแรงกว่าที่เราคิด เราอาจคาดไม่ถึงเลยด้วยซ้ำ

ฉันจะพูดถึงเรื่องออนไลน์เริ่มต้นที่เรื่องโทรศัพท์ซะนาน ย้อนกลับมาออนไลน์กันต่อ อันนี้ก็เช่นเดียวกันผู้คิดค้นอาจจะยังคิดไม่ถึงๆบทที่จะตามมาด้วยซ้า(ฉันคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่มนุษย์คิดขึ้น ล้วนมีช่องโหว่)
ฉันคิดว่าทุกคนอัพรูปขึ้นเฟส ฝากไว้ในไดร์ เยอะแยะมากมายโดยที่ไม่ได้ล้างหรืออัดเก็บไว้ (ส่วนฉันฉันจะล้างเก็บไว้) หรือแม้แต่ระบบธนาคารออนไลน์ ข้อมูลต่างๆอยู่ในเซฟเวอร์ ฉันเป็นโปรแกรมเมอร์ ฉันอยากเขียนระบบให้สามารถเจาะได้ทุกระบบ หรือแค่ทำลาย ทำให้เกิดความเสียหายแกระบบที่ไม่สามารถกู้คืนได้  และแน่นอนถ้าฉันจะทำ ก็แค่ทำให้ทุกอย่างที่ออนไลน์อยู่หยุดนิ่งไม่สามารถทำอะไรได้
ถ้าระบบออนไล์ไม่ได้ มือถือดับ ระบบต่างๆล่ม ไม่สามารถทำอะไรได้เลย เราก็จะกลับไปเหมือนเดิมที่ไม่มีระบบหล่าวนี้ ซึ่งฉันอยากเห็น(เขียนไปก็กลัวคนอ่านจะว่าๆฉันโรคจิตป่าว ก็กลัวถ้าเหตุการแบบนั้นเกิดขึ้นจริงเขาจะหาว่าฉันมีสวนเกี่ยวข้องรึป่า 555 ) ให้ทุกอย่างกลับไปสโลวไลฟ์ เหมือนเดิม ฉันรู้สึกว่าทุกอย่างมันดูเร่งรีบเกินไป ทุกอย่างมันรวดเร็วเกินไป ทำให้ทุกคนไม่มีความอดทนในการ ..รอ..ฉันใช้ชีวิตส่วนในอยู่ใน กทม และปริมนฑณ ซึ่งทุกอย่างล้วนเร่งรีบ แข็งขัน ซึ่งต่างกับต่างจังหวัดมาก ชีวิตที่นั้นเรียบง่าย ไม่ต้องรีบตื่นเช้าเพื่อมาแย่งถนนกันใช้ แย่งขึ้นรถไฟฟ้า รถเมล์ หรือแม้แต่รถสองแถว วินมอไซด์ ทุกอย่างล้วนต้องแต่กัน รวมไปถึงอาหารการกิน

ฉันโตมาในชีวิตต่างจังหวัด ซึ่งตอนเรียนมหาลัยฉันก็คิดจะมาทำงานใน กทม ก็ตาม แต่ตอนนี้ฉันก็อายุ 29 ก็ถือว่าไม่น้อยกับชีวิตในเมืองกรุงแห่งนี้

ฉันอยากให้ทุกอย่างสโลวไลฟ์ หยุดชีวิตเร่งรีบสักเดือนนึงเป็นไง !!




วันอาทิตย์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2557

วันจันทร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2553

start

เริ่มต้นเขียนบล็อกวานนี้เป็นวานแรก
ช่วยสอนกานด้วยนะคะ มีอ่าไรก้อแนะนำด้วยค่ะ